Pages

Subscribe:

Labels

ชุมเห็ดรักษาโรคเบาหวาน



ชุมเห็ดเป็นสมุนไพรไทยรักษาเบาหวาน ชื่อวิทยาศาสตร์ Senna alata ( L.) Roxb. วงศ์ Leguminosae เป็นพืชที่ขึ้นง่าย สามารถงอกได้ ทั่วไป ที่รก ทุ่งนา ป่าละเมาะ เป็นไม้พุ่ม มีขนาดลำต้น สูงประมาณ 1 – 3 เมตร เป็นพืชที่มีใบสีเขียวสด แต่เมื่อแก่ จะเป็นสีเขียวคล้ำๆ มีดอกสีเหลืองทอง

สรรพคุณ ชุมเห็ดมีสรรพคุณเป็นพืชสมุนไพร ที่ใช้ทำยารักษาโรคเบาหวาน ช่วยลดน้ำตาลในเส้นเลือด



วิธีการนำชุมเห็ดมารักษาโรคเบาหวาน
1.นำใบสด มาประมาณ 5 ใบ มาผสม กับน้ำ 1 ลิตร ต้มจนเดือด แล้ว รับประทาน วันละ 2 เวลา ครั้งละ 1 แก้ว ก่อนอาหาร
2.นำใบสด มาประมาณ 10 ใบ มาอบ หรือตากแดดให้แห้ง หั่นเป็นชา ดื่มวันละ 2 ครั้ง
3.นำใบชุมเห็ด ที่ตากแห้ง มาผสมน้ำผึ้งรวง ปั้นเป็นลูกกลอน รับประทานวันละ 2 ครั้ง ก่อนอาหาร เช้า - เย็น

ข้อเสนอแนะ ควรรับประทานอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง แล้วโรคเบาหวานจะทุเลาเบาบางลง

รางจืดรักษาโรคเบาหวาน



รางจืด เป็นพืชสมุนไพรไทยรักษาเบาหวาน เป็นไม้เลื้อย หรือเป็นไม้เถา มีชื่อภาษาอังกฤษ คือ Laurel Clockvine, Blue Trumphet Vine มี ชื่อวิทยาศาสตร์ Thumbergia laurifolia Lindl. อยู่ในวงศ์ ACANTHACEAE รางจืดมีลักษณะเป็นเถา เนื้อแข็ง ลำต้นมีสีเขียว ชอบพันรัดต้นไม้อื่น รางจืดเป็นพืชในเขตร้อนและเขตอบอุ่นของทวีปเอเชีย ทำให้สามารถขึ้นได้ทั่วไปตามป่าดิบชื้นของประเทศไทยทั่วทุกภาค เป็นพืชที่มีความ เจริญเติบโตได้เร็วมาก และขยายพันธุ์ด้วยวิธีการใช้เถาในการปักชำ แต่ตามปกติแล้วจะขึ้นเองตามธรรมชาติ ชอบเกาะ ขึ้นตามสายรั้ว ใบสีเขียวสด มีลักษณะ เป็นใบเดี่ยวออกตรงข้ามกัน ลักษณะของใบคล้ายรูปหัวใจหรือรูปใบขอบขนานหรือเป็นรูปไข่ โคนใบมนเว้า ปลายใบเรียวแหลม ใบกว้างประมาณ 4-7 เซนติเมตร และยาวประมาณ 8-14 เซนติเมตร มีเส้นอยู่ 3 เส้นออกจากโคนใบ รางจืด มีดอกสีม่วง โดยส่วนที่นำมาใช้เป็นยานั้นก็ได้แก่ ใบ ราก และเถาสด

สรรพคุณของรางจืด รักษาโรคเบาหวาน



วิธีการนำใบรางจืดมารับประทานเพื่อรักษาโรคเบาหวาน
1.นำใบสด ดอกสด ประมาณ 4 – 5 ใบ ( ดอก ) มา ปั่น หรือตำ ผสมกับน้ำ 1 ลิตร กรองด้วยผ้าขาวบาง รับประทานครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 เวลา
2.นำใบรางจืด ไปตากแห้ง หรืออบ มาหั่น ฉีก เป็นชา รับประทาน วันละ 1 – 2 แก้ว

ข้อเสนอแนะ : การใช้สมุนไพรในผู้ป่วยโรคเบาหวาน นี้ พึงระลึกว่าต้องมีการรักษา ร่วมไปกับแพทย์แผนปัจจุบัน ผู้ป่วยตรวจสภาวะน้ำตาล และควรรับประทานรางจืดอย่างสม่ำเสมอและ ต่อเนื่องจึงจะได้ผล

ย่านางรักษาโรคเนาหวาน



ย่านาง ภาษาอังกฤษ Bai-ya-nang ชื่อวิทยาศาสตร์ คือ Tiliacora triandra ย่านางเป็นพืชที่เป็นเถา เลื้อยพันต้นไม้อื่น ชอบขึ้นในที่รก ชื้น ใบมีสีเขียวสด เป็นพืชสมุนไพรที่รักษาได้หลากหลายโรค เป็นสมุนไพรที่มีรสเย็น

สรรพคุณ
ย่านาง เป็นสมุนไพร รักษาโรคเบาหวาน

วิธีการนำย่านางมารักษาโรคเบาหวาน มีดังนี้
1.ประกอบอาหาร เช่นนำมา แกงเลียง ผักแกงเผ็ด ลวกกินกับน้ำพริก ยำ ( ใบ )
2.นำใบย่านาง ประมาณ 5 – 6 ใบ มาหั่นหรือตำ หรือบด ผสมน้ำ 1 ลิตร กรองด้วยผ้าขาวบาง รับประทาน วันละ 2 เวลา ครั้งละ 1 แก้ว เช้าเย็น ก่อนรับประทานอาหาร 5 - 10 นาที ( ใบ )
3.นำใบย่านาง มาตากแห้ง หรือ อบ หั่น เก็บไว้ในขวดโหล ดื่มกับน้ำร้อนเป็นน้ำชา ( ใบ )

ข้อเสนอแนะ ควรรับประทานอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งควบคุมอาหารแล้วโรคเบาหวานจะทุเลา

ชะพลูรักษาโรคเบาหวาน



ชะพลูหรือช้าพลู ที่ทางท้องถิ่นในภาคใต้ เขาเรียกกัน ชื่อวิทยาศาสตร์ Piper sarmentosum Roxb ชื่อสามัญ Wildbetal Leafbush วงศ์ PIPERACEAE ชะพลูเป็นพืชล้มลุก มีลำต้นและใบสีเขียวเป็นมันแวว ใบเป็นใบเดี่ยว ลำต้นสูงประมาณ 30 -80 เซนติเมตร ขึ้นอยู่ทั่วไปในที่ชุ่มชื้น ชอบขึ้นตามใต้ต้นไม้อื่นๆ สามารถหาใบชะพลูกินได้ตลอดทั้ง



สรรพคุณ ชะพลู ใบ ราก ลำต้น ผล รักษาและป้องกันโรคเบาหวาน

วิธีการนำชะพลูมารักษาและป้องกันโรคเบาหวาน
1.นำส่วนประกอบของชะพลู ไปตากแห้ง หรือไปอบ นำมาหั่นฝอย เก็บไว้ในที่มิดชิด สะอาด นำมาดื่มเป็นน้ำชา วันละ 2 เวลา เช้าเย็น ครั้งละ 1 แก้ว
2.นำมาประกอบอาหาร เช่น กินกับยำ แกง เมี่ยง ( ใบ )
3.นำใบสด 2 -3 ใบ ต่อน้ำ 1 ลิตร ต้มกิน วันละ 2 เวลา เช้าเย็น ครั้งละ 1แก้ว ( ใบ )

ใบยอรักษาโรคเบาหวาน



ยอเป็นพืชเขตร้อน ชื่ออังกฤษ Indian mulberry ชื่อ วิทยาศาสตร์ Morinda citrifolia L ขึ้นโดยทั่วไปในสภาพที่เหมาะสม ทุกสภาพของดิน เป็นพืชที่มีใบสีเขียวเข้ม ลักษณะของใบ เป็นใบเดี่ยว รีเป็นมัน ขอบใบเรียบ แผ่นใบเรียบ กว้างและยาวพอประมาณ ออกดอกเป็นช่อกลมสีขาว ลำต้นมีเปลือกสีน้ำตาล กะเทาะออก มีผล เป็นวงรีสีเขียวออกขาว ผิวขรุขระ เมื่อสุกจะมีสีเขียวออกเหลือง มีกลิ่นเหม็นเอียน ยอสามารถนำมาทำยาได้ทุกส่วน เช่น ราก ลำต้นใบ ดอก ผล รักษาได้หลายโรค แต่ในที่นี้ ขอกล่าวถึงใบ

สรรพคุณใบยอ
รักษาโรคเบาหวานได้ โดยช่วยลดน้ำตาลในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน



วิธีการนำใบยอ ไปบริโภคเพื่อรักษาโรคเบาหวาน
1.นำใบยอมาประกอบอาหาร ใส่ในข้าวยำ แกงเผ็ด ยำ ลวกกินกับน้ำพริก
2.นำใบยอสด ประมาณ 3 ใบ ฉีกหรือหั่นหยาบๆ ใส่ในน้ำร้อน ดื่มเป็นน้ำชา วันละ3 เวลา ก่อนรับประทานอาหาร 5 นาที
3.นำใบยอสด ประมาณ 5 ใบ มาตำ ปั่น หรือขยี้ ผสมน้ำ ให้ได้น้ำใบยอ 1 แก้ว นำไปกรองกับผ้าขาว ผสมน้ำเพิ่มอีก 2 แก้ว ดื่ม วันละ 3 แก้ว 3 เวลา ก่อนรับประทานอาหาร 5 นาที
4.นำใบยอไปตากแห้งหรืออบจนแห้ง นำมาป่น ผสมกับน้ำผึ้งรวง ทำเป็นลูกกลอน รับประทาน วันละ 2 เวลา เช้า – เย็น ก่อนอาหาร 5 นาที ( ลูกกลอนครั้งละ 1 ลูก )

ลองทำดู แต่ต้องทำอย่างต่อเนื่อง ถ้าได้ผลอย่าลืมบอกต่อ สมุนไพรไทย มีคุณค่าควรแก่การอนุรักษ์ไว้ตลอดไป

มะขามป้อมรักษาโรคเบาหวาน



มะขามป้อม ( Indian Gooseberry ) ชื่อวิทยาศาสตร์ Phyllanthus emblica วงศ์ EUPHORBIACEAE มะขามป้อมเป็นไม้ยีนต้นขนาดกลาง มีใบคล้ายใบมะขาม ใบสีเขียวอมเหลือง เป็นพืชสมุนไพรที่รักษาได้หลากหลายโรค มีดอกเล็กๆ สีขาว มีผลสีเขียวอ่อน เมื่อผลแก่จะมีสีเขียวใส ออกเขียวน้ำตาล ผลมีรสเปรี้ยว อมฝาด และขม แต่ อมไว้สักพักจะมีรสหวาน ส่วนที่ใช้ทำยาคือผล

สรรพคุณ ของมะขามป้อม
เป็นสมุนไพรไทยรักษาและป้องกันโรคเบาหวาน ลดระดับน้ำตาลในผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวาน



วิธีการนำผลของมะขามป้อมมารักษาโรคเบาหวาน
1. นำมะขามป้อมสด มาผ่า 2 ซีก แล้วนำไปตากแดด ให้แห้ง บรรจุใส่ขวดโหล นำมารับประทาน วันละ 3 เวลา ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ ครั้งละ 3 ซีก
2. นำผลมะขามป้อมที่ตากแดดจนแห้งแล้ว ประมาณ 2- 3 ผล ใปใส่ในน้ำร้อนรับประทานทุกวัน วันละ 3 แก้ว
3. รับประทาน ผลมะขามป้อมสด ครั้งละ 1 ผล วันละ2-3 เวลา
4. นำผลมะขามป้อม แห้ง มาผสมน้ำผึ้งรวง รับประทานวันละ 2 ผล

ข้อเสนอแนะ ควรรับประทานมะขามป้อมอย่างต่อเนื่อง และควบคุมอาหารตามแพทย์สั่ง แล้วโรคเบาหวานที่รุมเร้าจะค่อยทุเลาลง

บัวบกรักษาโรคเบาหวาน



บัวบก (Gotu kola) ชื่อวิทยาศาสตร์ Centella asiatica (L.) Urban. เป็นพืชในเขตร้อน ขึ้นโดยทั่วไปในที่ชื้น เจริญเติบโตเร็ว ตามเรือกสวนไร่นาก็มีอยู่มาก บางแห่งเรียกว่าผักจอก บางท้องถิ่นทางภาคใต้ เรียกว่า หัวบก มีใบลักษณะเหมือนใบบัว แต่มีขนาดเล็กกว่า มีสีเขียวเข้ม เขียวเหลืองแล้วแต่สภาพของแหล่งที่งอก

สรรพคุณ
สรรพคุณของบัวบก มีมากมายสุดที่จะบรรยาย สามารถรักษาโรคภัยได้หลากหลายโรค แต่ที่พูดกันจนติดปาก คือบัวบก แก้ช้ำใน แต่จากการทดลองปฏิบัติมาแล้วและจากการเล่าขานบอกต่อ ของบุคคลโดยทั่วไปว่า บัวบกสามารถ รักษาโรคเบาหวานได้ โดย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดี



วิธีการรับประทานเพื่อรักษาโรคเบาหวาน มีหลากหลายวิธีดังนี้
1.นำบัวบกสด จำนวน 9 – 10 ใบ มาตำ หรือปั่น หรือขยำ โดยผสมน้ำ แล้วนำไปกรองกับผ้าขาวบาง หรือกรอง คั้นมาให้ได้ น้ำบัวบก 1 แก้ว แล้วนำไปผสมกับน้ำอีก 2 แก้ว ดื่ม ครั้งละ 1 แก้ว วันละ 3 เวลา ก่อนอาหาร 5 -10 นาที ( ใบ ลำต้น )
2.รับประทานกับอาหารในแต่ละมื้อ วันละ 3 มื้อ เป็นผักกินกับน้ำพริก สลัด ยำ ( ใบ ลำต้น )
3.บัวบกสดหรือแห้ง ใส่ในน้ำร้อน เป็นน้ำชา ( ใบ ลำต้น )
4.นำบัวบกสดไปตากแห้ง นำมาป่น หรือตำให้ละเอียดเป็นผง นำไปผสมน้ำผึ้งรวง เป็นลูกกลอน รับประทาน หลังอาหารวันละ 3 เวลา ( ใบ ลำต้น )

ข้อเสนอแนะ ลองทำดูนะครับ แล้วจะรู้ว่า ดีสมคำเล่าลือหรือไม่ สมุนไพรใกล้ตัวที่มีคุณค่าจะอยู่คู่คนไทยตลอดไป

สะระแหน่รักษาโรคเบาหวาน


สะระแหน่ เป็นพืชล้มลุก ( Kitchen Mint ) ชื่อวิทยาศาสตร์ Metha cordifolia Opiz. เป็น สมุนไพรไทย รักษาเบาหวาน เป็นพืชวงศ์ กะเพรา ลักษณะใบ มีหยัก สีเขียวเข้ม ไม่มีขน แหล่งกำเนิดมาจากยุโรปตอนใต้ เป็นพืชที่ใช้ประกอบอาหารและเป็นสมุนไพรทำยา ต้นโตเต็มที่ สูงประมาณ 60 -100 เซนติเมตร แต่โดยทั่วไปจะเตี้ยสูงกว่าพื้นดินเล็กน้อย ส่วนใหญ่คนจะนิยมปลูกในกระถาง มีรสร้อนซ่า มีกลิ่นหอมคล้ายๆกะเพรา โหรพา

สรรพคุณ รักษาโรคได้หลากหลายชนิด รวมทั้งโรคเบาหวาน ช่วยลดน้ำตาลในกระแสเลือด

วิธีการนำสะระแหน่ไปทำยารักษาโรคเบาหวาน
1.นำใบสะระแหน่มาประกอบอาหาร เช่น อาหารพวกยำต่างๆ เป็นผักในการรับประทานอาหารในแต่ละมื้อ
2.นำใบสะระแหน่ สดไปตากให้แห้ง นำมาป่นเป็นผง ดื่มเป็นชา วันละ 1-2 แก้ว ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้
3.นำผงป่นสะระแหน่ มาผสมน้ำผึ้งรวง ทำเป็นลูกกลอน รับประทานวันละ 3 เวลา ก่อนรับประทานอาหาร 5 นาที

ข้อเสนอแนะ ควรรับประทานสะระแหน่อย่างสม่ำเสมอ และควบคุมอาหารตามแพทย์สั่งไปด้วยจึงจะได้ผลดี